
5 เคล็ดลับ ดูแลผิวฉบับแพทย์ผิวหนัง
สังเกตไหมว่าแพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จะมีผิวที่ดี ก็แน่อยู่แล้ว เพราะเขาเชี่ยวชาญเรื่องผิวใช่ไหมล่ะ แต่เคยสงสัยไหมว่า แพทย์ผิวหนังเขามีเคล็ดลับดูแลผิวอย่างไร
เพื่อผิวสวยใส แบบปลอดภัย วันนี้เราเลยรวบรวมเคล็ดลับดูแลผิวจากแพทย์ผิวหนังมาฝากกันค่ะ
5 เคล็ดลับ ดูแลผิวฉบับแพทย์ผิวหนัง
1. ไม่ควรนวดหน้าเพื่อลดริ้วรอย
โยคะนวดหน้าลดริ้วรอย เป็นเทคนิคที่ถูกแชร์กันเยอะมากในโลกโซเชียล ว่าแต่วิธีการนี้จะทำให้ริ้วรอยเราดูลดเลือนลงไปได้จริงๆ หรือเปล่า? Xiomara Frans-Cuber พยาบาลทางด้านผิวหนัง ได้บอกมาเหมือนกันว่า มีผู้ป่วยหลายคนเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเหมือนกัน ซึ่งความจริงแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่การบริหารใบหน้าจะช่วยลดริ้วรอยได้ เพราะว่าการนวดหน้า ขยับกล้ามเนื้อบริเวณเดิมซ้ำๆ จะยิ่งทำให้ริ้วรอยแย่ลงไปกว่าเดิมเสียอีก และความจริงอีกอย่างก็คือ ริ้วรอยถ้าได้เกิดแล้วไม่สามารถลบมันออกได้อย่างถาวรหรอกค่ะ เพียงช่วยลดเลือนให้ดูตื้นขึ้นเท่านั้น
2. บีบสิวเองได้ แต่จะดีกว่าถ้าให้หมอเอาออก
เราคงได้ยินมาบ่อยๆ ว่า ห้ามบีบสิวเอง แต่จริงๆ แล้ว ถ้ามันเป็นสิวที่มีหัวออกมาแล้ว เราก็ควรที่จะบีบออก เพื่อที่สิวจะได้หายเร็ว ซึ่ง Jennifer Linder แพทย์ผิวหนังที่ PCA SKIN ได้แนะนำมาว่า เฉพาะสิวที่มีหัวสีขาวๆ โผล่ออกมาให้เห็น เราสามารถบีบออกได้โดยไม่มีปัญหาอะไรกับผิว แต่จะดีกว่าถ้าให้หมอ หรือผู้เชี่ยวชาญบีบออกให้ เพราะว่าการบีบสิวเองอาจทำให้ผิวเราติดเชื้อ และเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย และเธอยังฝากเคล็ดลับพิเศษมาด้วยว่า เราควรล้างหน้าให้สะอาด ขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนออกเสมอด้วยการใช้ benzoyl peroxide retinol หรือกรด salicylic และควรเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ
3. ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
การทาครีมกันแดดเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้คล้ำเสีย และไม่ให้ผิวแก่เร็วกว่าวัย แต่เราก็คงเจอปัญหาใช่ไหมคะว่า ก็ทาครีมกันแดดทุกวัน ทำไมผิวยังคล้ำขึ้นอีก นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเรายังทาครีมกันแดดไม่ถูกวิธี หรือใช้ปริมาณยังไม่เหมาะสมก็ได้ ศัลยแพทย์มะเร็งผิวหนัง Bobby Awadalla ที่ Orange County ในแคลอฟอร์เนีย ได้เผยว่า จริงๆ แล้วเราควรทาครีมกันแดดทุกๆ 2 ชั่วโมง และทาครีมให้ได้ 1 ออนซ์ หรือ 30 มิลลิลิตร ถ้าเทียบให้เห็นภาพเข้าไปอีกก็เท่ากับเนื้อครีม 2 ช้อนโต๊ะค่ะ ถึงจะกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ แต่คนโดยทั่วไปแล้วมักจะไม่ทากันแบบนี้ ก็เลยทำให้ SPF ที่ได้ ไม่เท่ากับตัวเลขที่ระบุ เช่น ทาครีมกันแดด SPF 30 มันอาจจะลงเหลือแค่ 5 เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาก็มักจะแนะนำคนไข้ให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 ไปเลย ถ้าหากเขาไม่สะดวกที่จะทาซ้ำได้ทุกๆ 2 ชั่วโมง
4. ทานอาหารสีรุ้ง
พวกขนมปังสีขาวที่ดูน่าอร่อยไม่ได้ทำให้ผิวสวยอย่างที่คิด ด็อกเตอร์ Jaliman เลยแนะนำมาว่า ถ้าอยากให้ผิวสวยจากภายใน เราควรบำรุงผิวด้วยอาหารการกินด้วย ซึ่งอาหารที่เธอแนะนำก็คือ อาหารที่มีสีรุ้ง หรืออาหารที่มีหลากหลายสีสันของผัก ผลไม้ เพราะอาหารพวกนี้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จะช่วยบำรุงผิวให้ดูมีออร่า และยังมีงานวิจัยอื่นที่สนับสนุนออกมา ให้ลองทานผักผลไม้ที่มีสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ต้านมะเร็ง และบำรุงผิวให้กระจ่างใส ที่พบได้มากในแครอท ผักขม ผักใบเขียว และมะเขือเทศค่ะ
5. ควรบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ และบำรุงให้ถูกเวลา
การใช้สกินแคร์ดีๆ ก็ไม่สู้กับการบำรุงผิวทุกวันค่ะ ต่อให้เราใช้ของดีแค่ไหน แต่บำรุงผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวก็ได้รับการบำรุงได้ไม่เต็มที่ แพทย์ผิวหนัง Mary Lupo ศาสตราจารย์คณะผิวหนังวิทยา มหาวิทยาลัย Tulane ใน นิวออร์ลีนส์ ได้แนะนำไว้ว่า ควรทาครีมอย่างสม่ำเสมอ และทาให้ถูกเวลา กฎข้อสำคัญก็คือ เดย์ครีมจะทำหน้าที่ป้องกันผิว ส่วนไนท์ครีมจะซ่อมแซม ฟื้นฟูผิวเรา
- ตอนกลางวัน ควรใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและครีมกันแดดในตอนเช้า เพื่อป้องกันผิวถูกทำร้ายจากแสง UV และป้องกันไม่ให้คอลลาเจนและอีลาสตินถูกทำร้าย
- ตอนกลางคืน ไม่มีแสง UV ไม่จำเป็นต้องป้องกัน แต่เป็นเวลาเหมาะที่จะใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ peptides และ retinol ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนให้ผิว พร้อมลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ อีกทั้งยังป้องกันริ้วรอยใหม่ไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ อีกด้วย
นี่ก็คือเคล็ดลับดูแลผิวจากแพทย์ผิวหนังในต่างประเทศ ได้เคล็ดลับดีๆ แบบนี้แล้ว จะอ่านเฉยๆ ไม่ได้นะคะ ต้องเอาไปทำตามด้วย เริ่มตอนนี้ เพื่อผิวสวยในวันข้างหน้าค่ะ
References:
– The Worst Skin Care Advice Dermatologists Have Ever Heard
– 5 Skin Care Tips Dermatologists Follow Themselves
– 10 Things Dermatologists Are Dying to Tell You About Your Skin