
ระวัง! มลพิษ รถติด ควันเสีย ทำร้ายผิวหนักกว่าที่คิด
มลพิษ รถติด ควันเสีย ทำร้ายผิวหนักกว่าที่คิด ใครที่ต้องเดินทางบนถนนเป็นประจำ และต้องเจอกับควันพิษจากท่อไอเสียรถบ่อยๆ รู้หรือไม่ว่า ควันจากท่อไอเสียรถยนต์นั้น ไม่เพียงแต่จะเข้าไปทำร้ายปอดของเราเท่านั้น แต่อนุภาคขนาดเล็กที่อยู่ในท่อไอเสียยังเป็นพิษและสามารถทำร้ายผิวได้อย่างร้ายกาจโดยที่เราไม่รู้ตัว
id SKIN EXPERT จะพาไปดูว่ามลพิษทำร้ายผิวได้อย่างไรบ้าง
ผิวหมองคล้ำ – อนุภาคขนาดเล็กในควันพิษสามารถทะลุผิวเข้าไปทำร้ายได้ถึงเซลล์ภายใน และกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติ ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและดูหมองคล้ำ
แพ้ ผื่นแดง – นอกจากอนุภาคในควันพิษทำให้เกิดอาการอักเสบ มีผื่นแดงตามใบหน้าหรือลำตัว และหากรุนแรงอาจมีอาการแพ้และลอกเป็นขุยได้
ดูแก่กว่าวัย – ที่แย่ไปกว่านั้น เซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายด้วยควันพิษนั้นจะไม่สามารถสร้างเส้นใยโปรตีนใหม่ขึ้นมา เพื่อซ่อมแซมผิวได้ ส่งผลให้คนที่ต้องเผชิญมลภาวะบ่อยๆ ดูแก่กว่าวัยมากกว่าคนที่ไม่ต้องเผชิญมลภาวะถึง 25%
วิธีการรับมือมลพิษ รถติด ควันเสีย
ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการหลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลภาวะเหล่านี้โดยตรง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ id SKIN EXPERT มี 3 วิธีรับมือมาแนะนำ ดังนี้
1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วย antioxidant และ squalane
เพราะ antioxidant หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระจะช่วยระงับการเกิดปฏิกริยาลูกโซ่ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ส่วน Squalane จะช่วยซัพพอร์ทการทำงานของ Skin barrier ซึ่งเป็นปราการปกป้องผิวจากสิ่งแปลกปลอมภายนอกอย่างมลพิษจากควันเสีย และช่วยรักษาความชุ่มชื้นจากภายใน
2. ใช้ครีมกันแดด
ผลเสียจากมลพิษจะยิ่งทวีความรุนแรงหากคุณต้องตากแดดโดยตรงหรือโดนแดดบ่อยๆ เพราะรังสี UV จะยิ่งเร่งปฏิกิริยาของอนุภาคที่เป็นพิษเหล่านี้ หมั่นทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง โดยเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวหน้า และอย่าลืม 7 จุดที่เรามักลืมทาครีมกันแดด
3. ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกาย
เพราะการดูแลผิวจากภายนอกเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากเราเสริมสร้างร่างกายเราให้สุขภาพดี ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างผัก ผลไม้ที่มีวิตามินสูง และหมั่นออกกำลังการเป็นประจำ ย่อมทำให้ภูมิคุ้มกันผิวของเราดีตามไปด้วยแน่นอน
อ่านเพิ่ม : ออกกำลังกาย…ช่วยหน้าใสผิวสวยได้อย่างไร
คุณคิดยังไงกับบทความนี้บ้าง ความรู้และงานวิจัยต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือคิดต่าง ก็มาร่วมแสดงความเห็นกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กันได้นะ